อาจจะกล่าวได้ว่าปัญหาสายตาเป็นปัญหาที่หลายๆ คนพบเจออยู่ก็คือปัญหาของการสายตาสั้น ยาว และเอียง เนื่องจากว่าปัญหาสายตาล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดปัญหาในการดำเนินชีวิตอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่ต้องขับรถเป็นประจำ อย่างไรก็ดีหากว่าคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่อยากให้การรักษาปัญหาสายตาเป็นเรื่องไม่ยากเกินไป มาดูพร้อมๆ กันดีกว่าว่าการทำ PRK คืออะไรกันแน่
รู้จักกับ Photorefractive Keratectomy
สำหรับการรักษาปัญหาสายตาแบบนี้คือการขัดผิวกระจกตา หรือที่เรียกว่า Photorefractive Keratectomy โดยวิธีการรักษาวิธีนี้จะช่วยแก้ไขปัญหาสายตาไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้น สายตายาวและสายตาเอียง โดยเป็นวิธีเช่นเดียวกันกับเลสิค แต่อย่างไรก็ดี PRK จะเน้นการใช้วิธีขูดผิวสำหรับลอกกระจกตาชั้นนอกออก จากนั้นจึงค่อยใช้ Excimer เลเซอร์สำหรับช่วยในการปรับแต่งความโค้งของผิวตามค่าสายตาของแต่ละคน จากนั้นคุณสามารถใช้คอนแทคเลนส์แบบพิเศษ ซึ่งนำมาปิดที่กระจกตาเอาไว้ ซึ่งขั้นตอนนี้แตกต่างจากการทำเลสิกตรงที่เลสิกมีการเปิดแยกชั้นกระจกตาแล้วค่อยใช้ Excimer Laser สำหรับยิงเพื่อปรับกระจกตา โดยหลังจากที่ทำ PRK แผลก็จะปิดในเวลา 7 วัน โดยแผลที่หายดีแล้ว ทางแพทย์จะมีการนัดเพื่อเอาคอนแทคเลนส์ออก
ใครที่เหมาะกับ PRK มากที่สุด
1.คนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป จัดว่าเป็นผู้ที่เหมาะสมกับการทำ Photorefractive Keratectomy มากที่สุด เนื่องจากว่าสายตาเริ่มคงที่แล้วนั่นเอง
2.ผู้ที่มีภาวะตาแห้งผิดปกติ ถือเป็นผู้ที่ควรรักษาด้วย Photorefractive Keratectomy อาจจะกล่าวได้ว่าดีกว่าการทำ LASIK
3.คนที่ไม่สามารถทำเลสิคได้ โดยกระจกตาของคนป่วยบางคนนั้นไม่สามารถแยกกระจกตาได้ เนื่องจากว่าเนื้อที่กระจกตาจะเหลือไม่พอสำหรับแก้ไขตามค่าสายตานั่นเอง
4.คนที่มีประวัติการหลุดของกระจกตาดำ สำหรับผู้ที่มีปัญหาการหลุดลอกของกระจกตาดำและกระจกตาถลอด จัดได้ว่าเป็นผู้ที่เหมาะสมกับการทำ Photorefractive Keratectomy อย่างยิ่ง
5.ผู้ที่ป่วยแล้วแผลหายช้า สำหรับคนที่มีปัญหาเป็นโรคประจำตัวไม่ว่าจะชนิดไหนก็ตามที่ ยกตัวอย่างเช่น โรคเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน หรืออาจมีโรค SLE
6.เข้าใจการผ่าตัดแบบนี้ เนื่องจากว่าการผ่าตัดแบบ Photorefractive Keratectomy มีความเฉพาะตัวมากพอสมควร ดังนั้นจึงอาจส่งผลให้ผู้ที่ไม่เข้าใจ คิดว่าการรักษาส่งผลไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้นั่นเอง
อาจจะกล่าวได้ว่าการรักษาสายตาไม่ว่าเป็นสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง จะดีกว่าหรือไม่หากว่าคุณจะเลือกสิ่งที่ทำให้สุขภาพของตนเองดีกว่าเดิม เป็นการช่วยให้คุณภาพชีวิตดีกว่าเดิมอีกด้วย
